ดิ โอลด์ การ์ด
หากใครที่กำลังมองหาภาพยนตร์สุดมันส์ไว้ดูแก้เบื่อโดยเฉพาะในยุคโควิด – 19 แบบนี้ เราอยากแนะนำให้คุณรู้จักกับ “ดิ โอลด์ การ์ด” หรือ The Old Guard ที่ปัจจุบันสามารถหาชมได้ผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว แต่หากใครอยากจะรู้รายละเอียดคร่าว ๆ ก่อนจะไปดูอย่างเต็มจุ เราก็มีมาแนะนำด้วยเช่นกัน พร้อมแล้วตามมาทางนี้เลย
เรื่องย่อสุดตื่นเต้นของภาพยนตร์เรื่อง “ดิ โอลด์ การ์ด”
ใครที่กำลังจะไปหาชื่อไทยของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ต้องเลยนะ เพราะใช้แบบทับศัพท์ไปเลย “ดิ โอลด์ การ์ด” ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตของทีมซูเปอร์ฮีโร่เล็ก ๆ ที่มี 4 คน ได้แก่ หญิงสาวที่มีอายุยืนยาวที่สุดแถมเป็นผู้นำทีม อย่าง “แอนดี้” (รับบทโดย Charlize) ชายผู้ซึ่งเคยเป็นทหารของนโปเลียนชาวฝรั่งเศส อย่าง “บุคเกอร์” (รับบทโดย Matthias Schoenaerts) และ “โจ” (รับบทโดย Marwan Kenzari) ที่มาพร้อมกับ “นิกกี้” (รับบทโดย Luca Marinelli) ที่ก่อนหน้าทั้ง 2 เคยเป็นอริกันมาก่อนในสงครามครูเสด ก่อนจะเป็นสามีภรรยากัน โดยที่ทุก ๆ คนมีพลังบางอย่างที่มนุษย์ไม่มี นั่นคือการรักษาตัวเองให้หายจากการบาดเจ็บ แม้ว่าจะถูกยิงจนเสียชีวิตไปแล้วพวกเขาก็สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมกระสุนที่เคยฝังในตัวก็เด้งออกมาดื้อ ๆ แผลที่น่ากลัวก็หายไปอย่างรวดเร็ว
โดยที่พวกเขาเริ่มต้นรวมตัวกันด้วยพลังที่ไม่มีใครเหมือนนี้ ต้องซุกซ่อนตัวไม่อยู่ในสังคมโลก และรับงานช่วยชีวิตตัวประกันแทน แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตพวกเขาเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อมีบริษัทยาโดย “มิสเตอร์วอร์ริก” (รับบทโดย Harry Melling) ต้องการนำตัวพวกเขาไปเข้ากระบวนการทดลองผ่าน “โคเปลย์” (รับบทโดย Chiwetel Ejiofor) เอเย่นต์รายใหญ่ แต่กระนั้นพวกเขากลับได้พบสมาชิกคนใหม่ไปอีก นั่นคือทหารหญิงที่ได้ประจำการอยู่ฐานทัพอัฟกานิสถาน “ไนล์” (รับบทโดย KiKi Layne) ก่อนจะรู้ตัวว่าตนเองก็มีพลังพิเศษนี้เช่นกัน แต่เมื่อเกิดปัญหาเพื่อบางคนในทีมถูกจับตัวไป ทำให้เกิดภารกิจช่วยเหลือพาเพื่อนกลับมาให้จงได้
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “ดิ โอลด์ การ์ด” นี้จะพาพวกเราทุกคนที่ได้ชมไปรู้จักกับทีมซูเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังแปลกใหม่ ไม่คยรู้มาก่อนว่าจะมีการฟื้นตัวเองได้แม้จะถูกยิง หรือเกิดเหตุการณ์ใดก็ตามที่ทำให้เสียชีวิตไปแล้วก็ตาม กลับลืมตาหายใจสู้กันใหม่ได้อีกครั้ง แน่นอนว่าการใช้ชีวิตที่โลกมนุษย์ก็คงมีมาอย่างยาวนานแล้ว พร้อมตั้งคำถามให้คนดูอยากรู้ และคลี่คลายปมให้ตลอดเป็นระยะ ช่วยสร้างความเข้มข้น ชักชวนให้อยากดูจนไม่อยากลุกไปไหนได้ดี แต่กระนั้นก็ค่อนข้างดราม่าโดยเฉพาะการเล่าเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจ เบื้องหลังที่พวกเจาต้องเจอจากอดีตที่ทำให้รู้ว่ามาจากยุคไหน มีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ปมในใจของแต่ละคนเป็นอย่างไร ทั้งยังมีฉากการต่อสู้ที่ดุเดือด มีจุดหักมุมแต่ก็ไม่ได้หวือหวามาก ภาพยนตร์ยังคงสนุกเร้าใจ
อีกประเด็นที่จะได้รับก็คือการที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่แต่กลับถูกตามล่าซึ่งถือว่าแปลกใหม่จากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อื่น ๆ เพราะพลังที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ทั้งในอดีตเคยถูกมองว่าพวกเขาเป็นพ่อมดแม่มด และต้องถูกจัดการให้สิ้นซากทำให้พวกเขาต้องหลบซ้อนตัวเสมอมา ในขณะที่ปัจจุบันโลกเปิดกว้างมากขึ้น มีเทคโนโลยี มีการวื่อสารยิ่งทำให้การหลบซ้อนตัวยากมากขึ้นไปอีก ยิ่งมาเจอระบบทุนนิยมโลกที่ไม่สนใจเรื่องมนุษยธรรม สนใจแต่ผลกำไร ทำให้พวกเขาถูกตามล่าไปทำการทดลอง เพื่อมองหาพลังฟื้นฟูให้กับมนุษย์ทุกคนจนในที่สุดพวกเขาก็ต้องดิ้นรนช่วยเหลือกันเอง แม้จะเจอความคิดที่แตกต่างกันและกันก็ตาม
ภาพยนตร์เรื่อง “ดิ โอลด์ การ์ด” เป็นแนวบู๊แอคชั่น ผสมผสานความดราม่า แฟนตาซี ที่ได้ผู้กำกับมากความสามารถ อย่าง Gina Prince-Bythewood ผู้เขียนบทที่ทรงพลัง เข้าใจง่าย เรื่องราวน่าติดตาม อย่าง Greg Rucka ความยาวเรื่องรวมแล้ว 125 นาที ไม่อาจพลาดลุกไปแม้แต่นาทีเดียว ใครที่ชอบความซูเปอร์ฮีโร่แล้วอยากได้อะไรแปลกใหม่ลองดูสักครั้งไม่เสียหาย